เอกสารประกอบบรรยายเรื่อง ให้ วันที่ 20 ตุลาคม 2559
มาตรา 521 อันว่าให้นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้ โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น Section 521. [A gift[1]
is a contract whereby a person. Called the donor, transfers gratuitously[2]
a property of his own to another person, called the donee, and the donee
accepts such property.]
มาตรา 536 การให้อันจะให้เป็นผลต่อเมื่อผู้ให้ตายนั้น ท่านให้บังคับด้วยบทกฎหมายว่าด้วยมรดกและพินัยกรรม [Section 536. A gift to take effect at the
death of the donor is governed by the provisions of Law concerning Inheritance
and Wills.]
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2537
การยกให้โดยเสน่หาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ที่จะตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 525
ที่จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา
521 จะต้องมีคู่สัญญา 2 ฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งคือผู้ให้โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง
หรืออีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้รับ บันทึกข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินหลังทะเบียนการหย่าระหว่างโจทก์และจำเลย
นอกจากโจทก์และจำเลยเป็นคู่สัญญาซึ่งกันและกันแล้วยังมีบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นผู้รับประโยชน์แห่งสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยด้วย
คือ แทนที่โจทก์และจำเลยจะแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาด้วยกันเอง โจทก์และจำเลยกลับยอมให้ที่ดินจำนวน
2 แปลง และบ้านอีก 1 หลัง
ตกเป็นของผู้เยาว์ทั้งสองหลังจากโจทก์และจำเลยจดทะเบียนหย่ากัน
สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาแบ่งทรัพย์ระหว่างสามีภรรยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา
1532 และเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา
374 มิใช่สัญญาให้ จึงไม่ตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525
แม้ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยผิดสัญญา โจทก์ในฐานะคู่สัญญาย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
480/2539
มูลนิธิที่เพียงแต่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง
ยังมิได้จดทะเบียนไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายที่จะรับการให้ได้ ขณะรับการให้มูลนิธิไม่เป็นนิติบุคคลกลับอ้างว่าเป็นนิติบุคคลย่อมถือว่า
เป็นการให้ที่ผู้ให้สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมจึงทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะเมื่อเป็นโมฆะแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่
1 และรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ 2ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ได้รับเรื่องราวตามมาตรา
61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
ย่อมเพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมให้ได้โดยไม่จำต้องให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ให้ไปฟ้องร้องเพื่อเพิกถอนการให้ก่อน
เมื่อคำสั่งเพิกถอนการให้ชอบแล้วจำเลยที่ 1 และที่
2 ย่อมออกใบแทนและจดรายการเพิกถอนการให้ไว้
ในสารบัญโฉนดที่ดินได้
มาตรา 523 การให้นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้
ข้อสังเกต “การส่งมอบ”
ในสัญญาให้มิใช่ การปฏิบัติการชำระหนี้ แต่เป็นสิ่งที่กำหนดทั้งการโอนกรรมสิทธิ์และการโอนการครอบครองไปในคราวเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
3680/2535
จ.
ทายาทคนหนึ่งทำหนังสือยกทรัพย์สินส่วนของตนซึ่งมีสิทธิจะได้จากการแบ่งปันในกองมรดกให้แก่
ส.และส. ยอมรับเอาทรัพย์นั้นแล้ว หนังสือนี้เป็นสัญญาให้โดยเสน่หา
หาใช่เป็นเพียงการโอนสิทธิเรียกร้องไม่ การที่จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดก
ลงชื่อยินยอมและรับรู้การยกทรัพย์สินส่วนของ จ. ให้ ส.
ในหนังสือยกให้นั้นถือว่ามีการส่งมอบทรัพย์สินที่ให้แก่ ส. โดยปริยายแล้ว ตาม
ป.พ.พ.มาตรา 1379 สำหรับทรัพย์มรดกที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีชื่อจำเลยที่
2 ถือกรรมสิทธิ์แทนทายาททุกคนนั้น
การโอนจึงทำได้โดย จ.ผู้โอนสั่งจำเลยที่ 2 ผู้แทนว่า
ต่อไปให้ยึดถือทรัพย์สินไว้แทน ส.ผู้รับโอนก็ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1380 วรรคสอง
การที่จำเลยที่ 2รับรู้การยกให้ดังกล่าวเป็นการยอมรับว่าต่อไปจำเลยที่
2จะถือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์แทน ส.
โดยไม่ต้องจดทะเบียนการยกให้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 525 อีก
สัญญาให้จึงสมบูรณ์
โจทก์โต้แย้งเพียงว่าหนังสือยกให้นั้นมิใช่หนังสือโอนสิทธิเรียกร้อง
แต่รับการให้โดยเสน่หา เท่ากับโจทก์รับว่าหนังสือยกให้ทำเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม
2510 จริง
เพียงแต่โต้แย้งว่ามิใช่หนังสือโอนสิทธิเรียกร้องดังที่จำเลยกล่าวอ้างเท่านั้นโจทก์จะฎีกาว่าหนังสือยกให้นี้ทำเมื่อปี
2521 อันเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วหาได้ไม่ แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยในปัญหานี้ให้ก็เป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
3104/2536
ผู้ร้องได้ยกรถยนต์ของกลางให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลยที่
1แล้ว หลังจากยกให้ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย การให้รถยนต์ของกลางเพียงแต่ส่งมอบให้ก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา
523 แล้ว หลักฐานทะเบียนรถยนต์ไม่ใช่กรณีที่จะต้องจดทะเบียนการโอนตาม
มาตรา 525 ฟังไม่ได้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องจึงไม่อาจขอคืนรถยนต์ของกลางได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
1931/2537
จำเลยทำหนังสือสัญญาให้ที่ดินมีโฉนดโดยเสน่หาแก่โจทก์โดยจะนำไปจดทะเบียน
ณ สำนักงานที่ดินภายในกำหนด 7 วัน แต่เมื่อการให้ยังไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
นิติกรรมให้ย่อมไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
812/2533
บิดาโจทก์ยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสของบิดาโจทก์กับผู้ตายเฉพาะส่วนของตนให้แก่โจทก์ไปแล้ว
ถือได้ว่าบิดาโจทก์กับผู้ตายได้ตกลงแบ่งที่ดินทั้งแปลงดังกล่าวออกเป็นของแต่ละฝ่ายย่อมทำให้ที่ดินในส่วนที่เหลือหมดสภาพจากการเป็นสินสมรสและตกเป็นสินส่วนตัวของผู้ตาย
ส่วนบ้านนั้นบิดาโจทก์ได้ทำพินัยกรรมยกส่วนของตนครึ่งหนึ่งให้โจทก์แล้วเช่นกัน
ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจึงตกเป็นของผู้ตายแต่ผู้เดียว ผู้ตายไปยื่นคำขอจดทะเบียนนิติกรรมให้บ้านพิพาทในส่วนของตนให้แก่โจทก์ แต่การให้บ้านพิพาทซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์แก่ผู้รับนั้นจะสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 525ก็ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้จดทะเบียนนิติกรรม
การให้ดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
กรรมสิทธิ์ในบ้านส่วนที่เป็นของผู้ตายยังคงเป็นของผู้ตายเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายก็เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท
กรณีนี้ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา
1300 โจทก์ไม่ได้เป็นทายาท
ไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดก
ย่อมไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่ผู้จัดการมรดกโอนทรัพย์สินที่ดินพิพาทและครึ่งหนึ่งของบ้านพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายให้บุคคลอื่นได้
เครื่องทองรูปพรรณ เครื่องเพชร แหวน เข็มขัดนาก และเครื่องประดับอื่น ๆ
ตามฟ้องเป็นเครื่องประดับกายซึ่งรวมกันแล้วมีราคาไม่มาก
เมื่อพิจารณาตามฐานะและรายได้ของบิดาโจทก์และผู้ตายแล้ว
เป็นเครื่องประดับกายตามควรแก่ฐานะของผู้ตายแม้ผู้ตายได้มาโดยบิดาโจทก์เป็นผู้หามาให้หรือผู้ตายหาเองในระหว่างสมรสก็ตาม
ก็เป็นสินส่วนตัวของผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
227/2532
จำเลยที่
1 ทำหนังสือสัญญายกที่ดินมีโฉนด ให้โจทก์
และรับรองว่าจะจัดการแบ่งแยกให้ในภายหน้า หากไม่แบ่งให้ตาม สัญญา
ยอมให้โจทก์ฟ้องบังคับตาม สัญญา ข้อสัญญาดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 1ประสงค์จะยกที่ดินให้โจทก์โดย
การทำนิติกรรมและจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ หาใช่เป็นกรณีสละการครอบครองไม่ เมื่อการให้รายนี้ยังไม่ได้จดทะเบียนต่อ
พนักงานเจ้าหน้าที่นิติกรรมให้ก็ย่อมไม่สมบูรณ์ตาม กฎหมาย การที่โจทก์เข้าครอบครองที่พิพาทจึงเป็นการครอบครองโดย
อาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 อันเป็นการยึดถือที่พิพาทแทนจำเลยที่ 1
มิใช่เป็นการยึดถือในฐานะ เป็นเจ้าของ
แม้โจทก์ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาเกินสิบปี โจทก์ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562 ที่ห้ามฟ้องบุพการีของตน
เป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาเป็นบทกฎหมายที่จำกัดสิทธิต้อง ตีความโดย เคร่งครัด
จึงห้ามเฉพาะ บุตรที่ชอบด้วย กฎหมายฟ้องบุพการีของตน เท่านั้น.
มาตรา 526
ถ้าการให้ทรัพย์สินหรือให้คำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
และผู้ให้ไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นแก่ผู้รับไซร้ท่านว่าผู้รับชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบตัวทรัพย์สินหรือราคาแทนทรัพย์สินนั้นได้
แต่ไม่ชอบที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยอีกได้[ Section 526.
If a gift or a promise for a gift has been made in writing and
registered by the competent official and the donor does not deliver to the
donee the property given, the donee is entitled to claim the delivery of it or
its value, but he is not entitled to any additional compensation.]
ตัวอย่างคำถาม
นายทองได้ตกลงจะให้บ้านพร้อมที่ดินแปลงหนึ่ง
และรถยนต์คันหนึ่งของนายทองให้นายเงินโดยเสน่หา
บ้านพร้อมที่ดินนายทองได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนยกบ้านพร้อมที่ดินให้นาย
เงินไปแล้ว แต่กลับไม่ยอมออกจากบ้านหลังนั้น
ส่วนรถยนต์นายทองได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือมอบให้นายเงินไว้
แต่ยังไม่ได้ส่งมอบตัวรถยนต์และทะเบียนให้
นายเงินจึงต้องการที่จะให้นายทองออกไปจากบ้านและที่ดินแปลงนั้น
และให้ส่งมอบรถยนต์พร้อมทะเบียนรถยนต์ให้กับตน ถ้านายเงินมาปรึกษาท่าน
ท่านจะให้คำแนะนำกับนายเงินอย่างไร เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 523 การให้นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้
มาตรา 525 การให้ทรัพย์สินซึ่งถ้าจะซื้อขายกันจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้า หน้าที่ ในกรณีเช่นนี้การให้ย่อมเป็นอันสมบูรณ์โดยมิพักต้องส่งมอบ
มาตรา 526 ถ้าการให้ทรัพย์สินหรือให้คำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นได้ทำเป็นหนังสือและ จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว และผู้ให้ไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นแก่ผู้รับไซร้ ท่านว่าผู้รับชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบตัวทรัพย์สินหรือราคาแทนทรัพย์สินนั้น ได้ แต่ไม่ชอบที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยอีกได้
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ แยกพิจารณาได้ดังนี้คือ
1 บ้านพร้อมที่ดิน นายทองได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนยกบ้านพร้อมที่ดินแปลงหนึ่งให้นายเงินไป แล้ว แต่กลับไม่ยอมออกจากบ้านหลังนั้น กรณีเช่นนี้เมื่อทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนให้แล้ว การให้เป็นอันสมบูรณ์โดยมิต้องส่งมอบบ้านและที่ดินนั้นให้แก่กันตามมาตรา525
อนึ่งเมื่อการให้บ้านพร้อมที่ดินได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว การที่นายทองผู้ให้ไม่ส่งมอบบ้านและที่ดินนั้นให้แก่นายเงินผู้รับ นายเงินผู้รับชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบตัวทรัพย์ได้ แต่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยไม่ได้ตามมาตรา526
2 รถยนต์ แม้นายทองจะได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือมอบให้นายเงินไว้ก็ตาม แต่เมื่อรถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์ธรรมดา การที่นายทองยังไม่ได้ส่งมอบตัวรถยนต์และทะเบียนให้ การให้ย่อมไม่สมบูรณ์ กรรมสิทธิ์ยังเป็นของนายทองอยู่ เพราะการให้สังหาริมทรัพย์ธรรมดาย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้ ตามมาตรา 523
สรุป นายเงินสามารถเรียกให้นายทองส่งมอบบ้านและที่ดินให้กับตนได้เท่านั้น ส่วนรถยนต์ไม่อาจเรียกให้ส่งมอบพร้อมกับทะเบียนได้
หมายเหตุ จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น การให้รถยนต์อันเป็นสังหาริมทรัพย์ธรรมดาย่อมสมบูรณ์เมื่อส่งมอบทรัพย์สิน ที่ให้ตามมาตรา523 ไม่มีกฎหมายบังคับว่าการให้ทรัพย์สินดังกล่าวต้องทำตามแบบ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมโอนไปยังผู้รับแล้ว หาจำต้องจดทะเบียนโอนกันตามมาตรา 525 เสียก่อนไม่ เพรากฎหมายเกี่ยวกับทะเบียนรถยนต์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่จะ ควบคุมยานพาหนะและภาษีรถยนต์ ไม่ใช่แบบของนิติกรรมแต่อย่างใด ดังนั้น แม้ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อในทะเบียนรถยนต์เป็นชื่อผู้รับ ผู้รับก็เป็นเจ้าของรถยนต์คันที่ยกให้แล้ว (ฎ. 5212/2537 ฎ. 3104/2536)
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 523 การให้นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้
มาตรา 525 การให้ทรัพย์สินซึ่งถ้าจะซื้อขายกันจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้า หน้าที่ ในกรณีเช่นนี้การให้ย่อมเป็นอันสมบูรณ์โดยมิพักต้องส่งมอบ
มาตรา 526 ถ้าการให้ทรัพย์สินหรือให้คำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นได้ทำเป็นหนังสือและ จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว และผู้ให้ไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นแก่ผู้รับไซร้ ท่านว่าผู้รับชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบตัวทรัพย์สินหรือราคาแทนทรัพย์สินนั้น ได้ แต่ไม่ชอบที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยอีกได้
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ แยกพิจารณาได้ดังนี้คือ
1 บ้านพร้อมที่ดิน นายทองได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนยกบ้านพร้อมที่ดินแปลงหนึ่งให้นายเงินไป แล้ว แต่กลับไม่ยอมออกจากบ้านหลังนั้น กรณีเช่นนี้เมื่อทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนให้แล้ว การให้เป็นอันสมบูรณ์โดยมิต้องส่งมอบบ้านและที่ดินนั้นให้แก่กันตามมาตรา525
อนึ่งเมื่อการให้บ้านพร้อมที่ดินได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว การที่นายทองผู้ให้ไม่ส่งมอบบ้านและที่ดินนั้นให้แก่นายเงินผู้รับ นายเงินผู้รับชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบตัวทรัพย์ได้ แต่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยไม่ได้ตามมาตรา526
2 รถยนต์ แม้นายทองจะได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือมอบให้นายเงินไว้ก็ตาม แต่เมื่อรถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์ธรรมดา การที่นายทองยังไม่ได้ส่งมอบตัวรถยนต์และทะเบียนให้ การให้ย่อมไม่สมบูรณ์ กรรมสิทธิ์ยังเป็นของนายทองอยู่ เพราะการให้สังหาริมทรัพย์ธรรมดาย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้ ตามมาตรา 523
สรุป นายเงินสามารถเรียกให้นายทองส่งมอบบ้านและที่ดินให้กับตนได้เท่านั้น ส่วนรถยนต์ไม่อาจเรียกให้ส่งมอบพร้อมกับทะเบียนได้
หมายเหตุ จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น การให้รถยนต์อันเป็นสังหาริมทรัพย์ธรรมดาย่อมสมบูรณ์เมื่อส่งมอบทรัพย์สิน ที่ให้ตามมาตรา523 ไม่มีกฎหมายบังคับว่าการให้ทรัพย์สินดังกล่าวต้องทำตามแบบ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมโอนไปยังผู้รับแล้ว หาจำต้องจดทะเบียนโอนกันตามมาตรา 525 เสียก่อนไม่ เพรากฎหมายเกี่ยวกับทะเบียนรถยนต์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่จะ ควบคุมยานพาหนะและภาษีรถยนต์ ไม่ใช่แบบของนิติกรรมแต่อย่างใด ดังนั้น แม้ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อในทะเบียนรถยนต์เป็นชื่อผู้รับ ผู้รับก็เป็นเจ้าของรถยนต์คันที่ยกให้แล้ว (ฎ. 5212/2537 ฎ. 3104/2536)
ตัวอย่างที่ 2
จำเลยบอกโจทก์ว่าจะยกที่ดินแปลงหนึ่งและรถยนต์คันหนึ่งของจำเลยให้โจทก์ จำเลยจึงได้ส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์และจัดการเรื่องเอกสารทะเบียนรถให้โจทก์เรียบร้อย ส่วนที่ดินก็ส่งมอบการครอบครองให้โจทก์เข้าไปทำประโยชน์แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนโอนให้ เมื่อโจทก์เข้าครอบครองที่ดินแปลงนั้นได้หกเดือน จำเลยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะไปจดทะเบียนโอนให้โจทก์ โจทก์ได้พยายามทวงถามหลายครั้งแล้ว แต่จำเลยก็ยังบ่ายเบี่ยงตลอดมา ให้ท่านวินิจฉัยว่ากรรมสิทธิ์ในรถยนต์และที่ดินโอนเป็นของโจทก์แล้วหรือยัง และโจทก์จะฟ้องร้องจำเลยได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 523 การให้นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้
มาตรา 525 การให้ทรัพย์สินซึ่งถ้าจะซื้อขายกันจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในกรณีเช่นนี้ การให้ย่อมเป็นอันสมบูรณ์โดยมิพักต้องส่งมอบ
มาตรา 526 ถ้าการให้ทรัพย์สินหรือให้คำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว และผู้ให้ไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นแก่ผู้รับไซร้ ท่านว่าผู้รับชอบที่จะเรียกให้ส่งมอบตัวทรัพย์สินหรือราคาแทนทรัพย์สินนั้นได้ แต่ไม่ชอบที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยอีกได้
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ แยกพิจารณาได้ดังนี้
1 กรณีรถยนต์ เมื่อปรากฏว่ารถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์ธรรมดา การให้รถยนต์ย่อมสมบูรณ์ เมื่อได้มีการส่งมอบรถยนต์ให้แก่กันตามมาตรา 523 ดังนั้น การที่จำเลยได้ส่งมอบรถยนต์ให้แก่โจทก์ และจัดการเรื่องเอกสารทะเบียนรถยนต์ให้โจทก์เรียบร้อยแล้วนั้น กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมโอนไปเป็นของโจทก์แล้วตามมาตรา 523
2 กรณีที่ดินมีโฉนด เมื่อปรากฏว่าที่ดินมีโฉนดเป็นอสังหาริมทรัพย์ ถ้าจะซื้อขายกันจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนั้น การให้ที่ดินมีโฉนดจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 525
ตามข้อเท็จจริง เมื่อปรากฏว่าจำเลยยกที่ดินให้โจทก์โดยเพียงแต่ส่งมอบการครอบครองเท่านั้น ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนั้น การให้ที่ดินจึงยังไม่สมบูรณ์ตามมาตรา 525 กรรมสิทธิ์ในที่ดินจึงยังเป็นของจำเลยไม่โอนเป็นของโจทก์แต่อย่างใด และโจทก์ก็จะฟ้องร้องจำเลยไม่ได้ เพราะการให้ที่ดินไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 526สรุป กรรมสิทธิ์ในรถยนต์โอนเป็นของโจทก์แล้ว ส่วนกรรมสิทธิ์ในที่ดินยังไม่โอนเป็นของโจทก์ และโจทก์จะฟ้องร้องจำเลยไม่ได้
ผลของสัญญาให้โดยเสน่หา
1. การโอนทรัพย์สิน ไม่เหมือนการซื้อขายตามมาตรา 458
แต่การให้ปกติกรรมสิทธิ์จะโอนเมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินตามมาตรา 523
2.การถอนคืนการให้ไม่ได้ เว้นแต่เข้าข้อยกเว้น
3.ไม่ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องหรือการรอนสิทธิ
ข้อสังเกต
ให้ดูมาตรา 525 “ โดยมิพักต้องส่งมอบ” ถ้ายังไม่ยอมมอบ ผู้รับอาศัยอำนาจตาม มาตรา
1336
การถอนคืนการให้
1.เหตุเนรคุณ ดูมาตรา 531 มาตรา 532
2.บุคคลผู้มีสิทธิถอนคืนการให้ – ผู้ให้ หรือทายาท
3.ข้อยกเว้นที่กฎหมายไม่อนุญาตให้ถอนคืนการให้ ดูมาตรา 533 ดูมาตรา
535
4. วิธีการใช้สิทธิ – แสดงเจตนาต่อคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 534
5.ผลของการถอนคืนการให้ ดูมาตรา 534
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น