ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การมีกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินเริ่มตั้งแต่เมื่อใด?

การขอออกโฉนดที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ กฎหมายได้กำหนดชั้นตอนต่าง ๆ ไว้หลายขั้นตอนด้วยกัน

แต่ละขั้นตอน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการปตามลำดับ
เริ่มด้วยการยื่นคำขอ เจ้าหน้าที่ออกไปทำการรังวัดให้ตามคำขอ
ประกาศ ถ้าคัดค้านต้องเปรียบเทียบ สร้างโฉนด เจ้าพนักงานที่ดินลงนาม
แจกโฉนด

       ปัญหาอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย
      
       ระหว่าง การลงนามแล้ว แต่ยังไม่แจก
                             กับ
       ระหว่าง การลงนามแล้ว และได้แจกให้ไปแล้ว

      และ คำตอบก็มีแล้ว จากกรณีที่พิพาทกันในศาล

      ดังคำพิพากษาศาลฎีกา ดังนี้....


คดีแดงที่  1331/2508
นายณรงค์ สากลวารี ผู้ร้องขอ


ป.พ.พ.มาตรา ๑๓๐๖,๑๓๓๔,๑๓๘๒
ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๓,๗๒,๗๓,๗๔,๗๕,๗๖,๗๘
กฎกระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ๗) พ.ศ.๒๔๙๗ ข้อ ๘(๑)
พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินร.ศ.๑๒๗ มาตรา ๓๕
ป.วิ.พ.มาตรา ๕๕,๑๘๘

ตราบใดที่ผู้ถือที่ดินยังไม่ได้มาซึ่งโฉนดหรือยังไม่ได้รับโฉนดไปจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ที่ยึดถือไว้ก็จะถือว่าตนได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินอันแท้จริงถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่ได้
การที่บุคคลจะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ นั้น จะมีได้แต่เฉพาะในที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นแล้ว ซึ่งหมายความว่าที่ดินนั้นได้ออกโฉนดแผนที่แล้วด้วย ถ้าหากเป็นที่ดินที่ยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของใครเลย เช่น ที่ดินรกร้างว่างเปล่าหรือที่ดินซึ่งมีผู้ทอดทิ้ง หรือเวนคืน หรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่น ผู้ครอบครองที่ดินชนิดนี้หามีโอกาสได้กรรมสิทธิ์อย่างใดไม่ เพียงแต่เจ้าพนักงานออกใบไต่สวนให้เท่านั้น ใบไต่สวนนี้หาใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินอย่างโฉนดแผนที่แต่อย่างใดไม่ จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ มาใช้ไม่ได้
เมื่อผู้ร้องยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่นา ผู้ร้องก็จะร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์หาได้ไม่
ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๗๖ เป็นบทบัญญัติที่สืบเนื่องมาจากมาตรา ๗๒,๗๓,๗๔,๗๕ ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่คู่กรณีแสดงเจตนาทำนิติกรรมต่อกัน ตามความในมาตรา ๗๒ เนื่องจากใบไต่สวนไม่ใช่หนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน จึงต้องอนุโลมให้จดแจ้งในใบไต่สวนตามวิธีการจดทะเบียนโฉนดที่ดิน มาตรา ๗๖ เป็นบทบัญญัติว่าด้วยวิธีการจดทะเบียนสิทธิที่ได้มาโดยนิติกรรมเท่านั้น การจดทะเบียนตามมาตรา ๗๖ มิได้บัญญัติให้ผู้ครอบครองที่ดินชนิดนี้ต้องใช้สิทธิทางศาล เป็นคดีไม่มีข้อพิพาทเสียก่อน เจ้าพนักงานจะเกี่ยงให้ผู้ร้องซึ่งครอบครองที่ดินที่มีเพียงใบไต่สวนต้องนำคำสั่งศาลไปแสดงจึงจะดำเนินการออกโฉนดหาได้ไม่ เพราะกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๗๘ ฉะนั้น เมื่อผู้ร้องประสงค์จะขอออกโ ฉนดที่นาแปลงนี้ก็ชอบที่จะไปร้องขอทางเจ้าพนักงานที่ดิน หากเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ปฏิบัติการให้หรือมีผู้โต้แย้งประการใด ผู้ร้องจึงชอบที่จะมาดำเนินคดีเป็นคดีมีข้อพิพาท

…………………..……………………………………………………………..

คดีนี้ ผู้ร้องร้องขอและยื่นคำร้องขอแก้ไขคำร้องขอว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของครอบครองทำประโยชน์ที่นาตามใบไต่สวนเลขที่ ๑๔ ซึ่งออกให้นางสาตนางขัน แต่นางสาตนางขันมิได้ครอบครองที่ดิน มีผู้ครอบครองและโอนที่ดินแปลงนี้มาหลายทอด จนในที่สุดนายจุ่นนางแจ๋วจดทะเบียนซื้อที่ดินเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๔๘๔ และจดทะเบียนขายให้ผู้ร้องเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๔ ผู้ร้องครอบครองโดยสุจริต ด้วยความสงบและเปิดเผยเป็นเจ้าของมากว่า ๑๐ ปี พ.ศ.๒๕๐๑ ผู้ร้องได้ขอรังวัดเพื่อออกโฉนดแต่เจ้าพนักงานที่ดินขัดข้อง ผู้ร้องไม่สามารถนำตัวผู้มีชื่อในใบไต่สวนหรือทายาทไปโอนได้ จึงร้องขอต่อศาลขอให้มีคำสั่งถอนชื่อนางสาดนางขันและจดทะเบียนโอนลงชื่อผู้ร้องในใบไต่สวนเลขที่ ๑๔ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่นาแปลงนี้ยังไม่ได้ออกโฉนด ผู้ครอบครองยังไม่มีกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ผู้ครอบครองที่ดินชนิดนี้จะร้องขอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ไม่ได้ ให้ยกคำร้องขอ
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๓ บัญญัติว่า บุคคลจะมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินต่อเมื่อได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามบทกฎหมายก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ หรือได้มาซึ่งโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินหรือได้มาตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพหรือกฎหมายอื่น ฉะนั้น ตราบใดที่ผู้ถือที่ดินยังไม่ได้มาซึ่งโฉนด หรืออีกนัยหนึ่งยังไม่ได้รับโฉนดไปจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ที่ยึดถือไว้ก็จะถือว่าตนได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินอันแท้จริงถูกต้องตามกฎมหายนั้นแล้วไม่ได้ พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน ร.ศ.๑๒๗ ซึ่งเป็นกฎหมายซึ่งใช้อยู่ก่อนวันประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ก็บัญญัติความไว้ทำนองเดียวกันว่า ที่ดินซึ่งได้ออกโฉนดแล้ว จึงให้เจ้าของมีกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย
การที่บุคคลจะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ นั้น จะมีได้แต่เฉพาะในที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่าที่ดินนั้นได้ออกโฉนดแผนที่แล้วด้วย ถ้าหากเป็นที่ดินที่ยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของใครเลย เช่น ในที่ดินรกร้างว่างเปล่า หรือที่ดินซึ่งมีผู้ทอดทิ้งหรือเวนคืนหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นแล้ว ผู้ครอบครองที่ดินชนิดนี้หามีโอกาสได้กรรมสิทธิ์อย่างใดไม่ เพราะ+ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๖ บัญญัติห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และตามมาตรา ๑๓๓๔ ก็บัญญัติว่า บุคคลจะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินชนิดนี้ได้ก็แต่ตามกฎหมายที่ดินเท่านั้น
ที่นาที่ผู้ร้องร้องขอให้ศาลสั่งลงชื่อผู้ร้องลงในใบไต่สวนเพื่อออกโฉนดนี้ เป็นที่นาที่ยังมิได้ออกโฉนดเพียงแต่เจ้าพนักงานออกใบไต่สวนให้เท่านั้น ซึ่งใบไต่สวนนี้หาใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินอย่างโฉนดแผนที่แต่อย่างใดไม่ แม้การแย่งสิทธิในที่ดินดังกล่าวนี้ก็ใช้อายุความที่นามือเปล่า ไม่ใช่อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ฉะนั้น จึงเป็นที่เห็นได้ชัดว่า กรณีของผู้ร้องจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ มาใช้บังคับไม่ได้ ที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่นาตามคำร้องขอนั้นจึงฟังไม่ขึ้น เมื่อผู้ร้องยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่นาดังกล่าว ผู้ร้องก็จะร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์หาได้ไม่ เพราะไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ทำได้
ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๖ เป็นบทบัญญัติที่สืบเนื่องมาจากมาตรา ๗๒,๗๓,๗๔,๗๕ ซึ่งบทมาตราดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่คู่กรณีแสดงเจตนาทำนิติกรรมต่อกัน ความในมาตรา ๗๒ บัญญัติไว้ชัดว่าการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ให้คู่กรณีนำหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินไปจดทะเบียนด้วย แต่เนื่องจากใบไต่สวนไม่ใช่หนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน จึงต้องอนุโลมให้จดแจ้งในใบไต่สวนตามวิธีการจดทะเบียนโฉนดที่ดิน ทั้งนี้ ย่อมหมายความว่ามาตรา ๗๖ เป็นบทบัญญัติว่าด้วยวิธีการจดทะเบียนสิทธิที่ได้มาโดยนิติกรรมเท่านั้น และการจดทะเบียนตามความในมาตรา ๗๖ มิได้บัญญัติให้ผู้ครอบครองที่ดินชนิดนี้ต้องใช้สิทธิทางศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทเสียก่อน ดังเช่นที่บัญญัติไว้สำหรับผู้ครอบครองที่มีโฉนดแล้ว ตามความในมาตรา ๗๘ และกฎกระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ๗) พ.ศ.๒๔๙๗ ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ ข้อ ๘(๑) ที่บังคับให้ผู้ยื่นคำขอจดทะเบีนต้องยื่นคำขอพร้อมด้วยคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอันถึงที่สุด แสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์ดังกล่าวนั้นด้วยไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเจ้าพนักงานจะเกี่ยงให้ผู้ร้องซึ่งครอบครองที่ดินที่มีเพียงใบไต่สวนต้องนำคำสั่งศาลไปแสดงจึงจะดำเนินการออกโฉนดให้หาได้ไม่ เพราะกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๗๘ และกฎกระทรวงดังกล่าวข้างต้น ฉะนั้น เมื่อผู้ร้องประสงค์จะขอออกโฉนดที่นาแปลงนี้ ก็ชอบที่จะไปร้องขอทางเจ้าพนักงานที่ดิน หากเจ้าพนักงานที่ดินไม่ปฏิบัติการให้ หรือมีผู้โต้แย้งประการใด ผู้ร้องจึงชอบที่จะมาดำเนินคดีทางศาลเป็นคดีมีข้อพิพาท การที่ผู้ร้องมาร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทโดยไม่มีกรณีที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลเช่นนี้ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕
พิพากษายืน ยกฎีกาผู้ร้อง


(ยง เหลืองรังษี-เชื้อ คงคากุล-เสนอ บุณยเกียรติ )

ศาลจังหวัดสมุทรปราการ - นายเสมา รัตนมาลัย
ศาลอุทธรณ์ - นายจิตติ ติงศภัทิย์

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อย่าเพิ่งยกเลิกคำร้อง(ขอ) ง่าย ๆ !

การทำธุรกรรมใด ๆ ที่ประชาชนทำกับทางราชการจะเริ่มจากยื่นคำร้องขอ
ทั้งนี้ เพือเป็นการแสดงเจตนาทำนิติกรรมทางปกครองกับหน่วยงานของรัฐ

ผลจากการยื่นคำร้องขอทำให้ทางราชการต้องดำเนินเรื่องของเราให้เป้นไป
ตามระเบียบกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆเป็นลำดับ ๆ ไป

การเดินไปของเรื่องตามลำดับ ตามกฎหมายแล้วถือเป็นขั้นตอนอันเป็นสาระ
สำคัญที่คู่กณีทุกฝ่ายจะต้องปฏิบัติตาม

แต่ระหว่างทางย่อมมีอุปสรรคต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย  ทำให้บางคนรู้สึกเบื่อ
ไม่อยากไปติดตามเรื่องอีกแล้ว   ทำให้เรื่องราวไปค้างอยู่ในมือเจ้าหน้าที่
เจ้านายจะเร่งรัดให้งานออก เจ้าหน้าที่จะต้องเร่งมือสะสางงานค้าง ...

วิธีหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ชอบทำกันนัก คือ แนะนำให้ประชาชนยกเลิกคำขอนั้น ๆ
เสีย  โดยอ้างเหตุผลค่าง ๆนา ๆ 

ประชาชนทั่ว ๆ ไปมักเชื่อเจ้าหน้าที่  จึงยินยอมให้บันทึกถ้อยคำถึงความ
ประสงค์ที่จะยกเลิกคำขอโดยไม่ขอดำเนินการต่อไป

ระวัง..! อย่ายกเลิกคำของ่าย ๆ
   ต้องพิจารณาดูเหตุผลให้ถ่องแท้เสียก่อน  เพราะหากความขัดข้อง
เกิดจากฝ่ายเจ้าหน้าที่  ย่อมเป็นภาระความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ต้องจัดการแก้ไข

  การด่วนยกเลิกจะทำให้ความผูกพันที่ทางราชการมีกับเราสิ้นผลไป

 จะรื้อฟื้นให้ยกเรืองราวที่ได้ยื่นไว้นั้นขึ้นมาดำเนินการต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
และจะมากล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการให้ก็มิได้

    เพราะฉะนั้น ต้องระวัง !

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เกาะ..ออกเอกสารสิทธิได้ไหม?

เกาะ คืออะไร ? ถามได้ เกาะ ก็คือเกาะนะซี..ก็แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบไง...
แต่นั่น ไม่ใช่ปัญหาสำคัญ เพราะที่สำคัญกว่านั้น คือ การครอบครองที่ดินที่เป็น เกาะ

เราสามารถนำที่ดินที่เป็น เกาะ มาขอออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่?

ตามประมวลกฎหมายที่ดินให้คำนิยามว่า ที่ดิน หมายรวมถึง เกาะ ด้วย ฉะนั้น เกาะ
จึงไม่ได้เป็นสวนหนึ่งของพื้นน้ำ หรือทะเล เมื่อเป็นที่ดินแล้วก็จะเป็นส่วนประกอบ
หนึ่งที่สามารถนำมาพิจารณาออกเอกสารสิทธิได้?

ปัญหานี้มีคำตอบแล้วครับ...จากคำพิพากษาศาลฎีกาข้างล่างนี้


คดีแดงที่  6193/2540
นายอี๊ด ชายสิทธิ์ โจทก์
นายอาทร เพ็ชรรักษ์ จำเลย


ป.ที่ดิน มาตรา ๑๐, ๑๑, ๕๙ ทวิ
พ.ร.บ.ให้ใช้ ป.ที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๕, ๕๙ ทวิ
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗)

ที่ดินทั้ง ๒ แปลง ที่โจทก์ขอให้มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นที่ดินที่ตั้งอยู่บนเกาะ การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ย่อมตกอยู่ภายใต้บังคับของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗) ออกตามความใน พ.ร.บ.ให้ใช้ ป.ที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ กล่าวคือ โจทก์ต้องมีหลักฐานแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) มีใบจอง ใบเหยียบย่ำ หนังสือรับรองการทำประโยชน์โฉนดตราจอง ตราจองที่ตราว่า "ได้ทำประโยชน์แล้ว" อย่างใดอย่างหนึ่งมาแสดงหรือโจทก์ต้องเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ หรือที่ดินที่คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติได้อนุมัติให้จัดแก่ประชาชน หรือที่ดินซึ่งได้มีการจัดหาผลประโยชน์ตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ แห่ง ป.ที่ดิน โดยคณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติได้อนุมัติแล้ว แต่โจทก์หาได้มีหลักฐานดังกล่าว หรือหาได้เป็นผู้มีสิทธิในที่ดิน ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าวแต่อย่างใดไม่ แม้โจทก์จะได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินทั้ง ๒ แปลง สืบต่อกันมาตั้งแต่ก่อน พ.ร.บ.ให้ใช้ป.ที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ ประกาศใช้จนถึงปัจจุบัน และเป็นกรณีที่มิได้แจ้งการครอบครองที่ดินตามมาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ.ให้ใช้ ป.ที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ อันอาจทำให้โจทก์มีสิทธิขอให้มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินได้ เป็นการเฉพาะรายตาม ป.ที่ดิน มาตรา ๕๙ ทวิ ก็ตาม แต่การพิจารณาว่าที่ดินประเภทใด จะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ให้ได้หรือไม่นั้น จะต้องอยู่ในบังคับของกฎกระทรวงฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗) ด้วย เมื่อปรากฏว่าที่พิพาททั้ง ๒ แปลง เป็นที่เกาะและมิได้เป็นประเภทที่ดิน ซึ่งสามารถจะขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ตามกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้จำเลยออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินทั้ง ๒ แปลง ของโจทก์

…………………..……………………………………………………………..



(สุพล พันธุมโน - อุดม มั่งมีดี - ไสว จันทะศรี )

ศาลจังหวัดภูเก็ต - นายเพิ่มศักดิ์ สายสีทอง
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ - นายวิเชียร ธารีบุญ

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เรียนรู้เรื่อง "สิทธิครอบครองในที่ดิน" จากคำพิพากษา

       เราครอบครองที่ดินของเราอยู่แปลงหนึ่งมาโดยปกติสุข ต่อมามีคนประเภทที่เรียกว่า
หวังดีประสงค์ร้ายมาอ้างว่า ที่ดินที่เราครอบครองอยู่นั้นเป็นที่ดินของหลวง (รัฐ)
เราต้องออกไป...

                                   ทำไงดี?
 
        เบื้องต้นต้องตรวจสอบว่า เรามีสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?
วันนี้จึงได้นำคำพิพากษาศาลฎีกามาฝากให้เรียนรู้ไว้ก่อน นั่นคือคำพิพากษาศาลฎีกาที่....

                               7/2539
มีความละเอียด ดังนี้...


คดีแดงที่  7/2539
นายบุ เบ้าเพชร โจทก์
นายนพพร จันทรถง
ในฐานะนายอำเภอวารินทร์ชำราบ จำเลย


ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๐๔, ๑๓๖๗, ๑๓๗๐
ป.วิ.พ. มาตรา ๘๔

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทและขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่โจทก์มีสิทธิครอบครอง ไม่ใช่ที่ดินสาธารณประโยชน์จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ เพราะเป็นที่ดินสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้โจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ก็ไม่ได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐาน เพราะโจทก์จะยกเอาการครอบครองขึ้นยันต่อรัฐได้ ต่อเมื่อโจทก์ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทมาโดยชอบตามวิธีการที่กฎหมายกำหนด และกฎหมายบัญญัติรับรองคุ้มครองสิทธิครอบครองนั้นไว้ด้วย

…………………..……………………………………………………………..



(อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ - สุทธิ นิชโรจน์ - สมพล สัตยาอภิธาน )

ศาลจังหวัดอุบลราชธานี - นายสุทธิพงศ์ ภูสุวรรณ
ศาลอุทธรณ์

         วันนี้ เอาแค่นี้ก่อน วันหน้าจะได้พูดถึงว่า "วิธีการที่กฎหมายกำหนด" นั้นเป็นอย่างไร?

ครอบครองที่ดินมานานเพียงใด จึงจะขอออกโฉนดเฉพาะรายได้?

        มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจว่าที่ดินที่ได้เข้าไปบุกเบิกครอบครองเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง
ก็สามารถขอออกเอกสารสิทธิ์ได้

       เพราะเมื่อไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานที่ดิน เจ้าหน้าที่มักจะแจ้งว่า ต้องเป็นที่ดิน
ที่มีหลักฐานที่ดินเดิม เป็น ส.ค.๑ หรือถ้าไม่มี ส.ค.๑ก็ต้องครอบครองมาก่อน พ.ศ. ๒๔๙๗
เท่านั้น จึงจะมาขอออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะรายได้

       แต่หากพิจารณาจากคำพิพากษาศาลฎีกา และคำสั่งศาลปกครองสูงสุดดังต่อไปนี้แล้ว
ผู้ที่ครอบครองที่ดินหลังจากปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ก็สามารถไปติดต่อขอออกโฉนดที่ดินเป็นการ
เฉพาะรายได้

               นั่นคือ...

คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๕๔/๒๕๔๕ วินิจฉัยไว้ในสาระสำคัญว่า แม้ผู้ครอบครอง
เพิ่งจะได้ครอบครองมาประมาณ ๘ ปี มาขอออกโฉนด เจ้าพนักงานที่ดินจะปฏิเสธ
ไม่ดำเนินการให้ไม่ได้ เจ้าพนักงานที่ดินต้องจัดให้มีการยื่นคำขอและต้องไปดำเนิน
การให้ตามขั้นตอนเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิต่อไป..

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๙๓/๒๕๓๕ วินิจฉัยไว้ในสาระสำคัญว่า  ที่ดินพิพาทโจทก์
เข้าจับจองครอบครองหลังจากที่ ประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว อยู่ในหลักเกณฑ์
ที่จะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะรายได้ ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 58 ทวิ(3)

          ฉะนั้น ท่านสามารถอ้างสิทธิในที่ดินของท่านตามคำพิพากษาดังกล่าวได้....