หวังดีประสงค์ร้ายมาอ้างว่า ที่ดินที่เราครอบครองอยู่นั้นเป็นที่ดินของหลวง (รัฐ)
เราต้องออกไป...
ทำไงดี?
เบื้องต้นต้องตรวจสอบว่า เรามีสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?
วันนี้จึงได้นำคำพิพากษาศาลฎีกามาฝากให้เรียนรู้ไว้ก่อน นั่นคือคำพิพากษาศาลฎีกาที่....
7/2539
มีความละเอียด ดังนี้...
คดีแดงที่ 7/2539 | นายบุ เบ้าเพชร โจทก์ นายนพพร จันทรถง ในฐานะนายอำเภอวารินทร์ชำราบ จำเลย |
ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๐๔, ๑๓๖๗, ๑๓๗๐
ป.วิ.พ. มาตรา ๘๔
ป.วิ.พ. มาตรา ๘๔
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทและขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่โจทก์มีสิทธิครอบครอง ไม่ใช่ที่ดินสาธารณประโยชน์จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ เพราะเป็นที่ดินสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้โจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ก็ไม่ได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐาน เพราะโจทก์จะยกเอาการครอบครองขึ้นยันต่อรัฐได้ ต่อเมื่อโจทก์ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทมาโดยชอบตามวิธีการที่กฎหมายกำหนด และกฎหมายบัญญัติรับรองคุ้มครองสิทธิครอบครองนั้นไว้ด้วย
…………………..……………………………………………………………..
(อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ - สุทธิ นิชโรจน์ - สมพล สัตยาอภิธาน )
ศาลจังหวัดอุบลราชธานี - นายสุทธิพงศ์ ภูสุวรรณ
ศาลอุทธรณ์
วันนี้ เอาแค่นี้ก่อน วันหน้าจะได้พูดถึงว่า "วิธีการที่กฎหมายกำหนด" นั้นเป็นอย่างไร?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น