ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความน่าเชื่อถือของ ส.ค.๑ มีแค่ไหน

พิจารณาได้จากคำพิพากษาฎีกานี้...



คดีแดงที่  203/2510
นางวุ่น นพแก้ว จ.
นายเปลี่ยน แสงจันทร์ ล.



ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗
ป.วิ.อ. มาตรา ๑๗๔, ๒๔๓



โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งว่า ลายเซ็นใน ส.ค.๑ ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย ครั้นเมื่อสืบพยานบุคคลของโจทก์แล้ว โจทก์ขอส่ง ส.ค.๑ ไปให้ผู้ชำนาญ พิสูจน์ว่าลายเซ็นใน ส.ค.๑ นั้นใช่ลายเซ็นของจำเลยหรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งงดไม่ให้สืบและตรวจพิสูจน์ แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียว เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบ แต่เมื่อปรากฏว่าในคดีแพ่งนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโดยมิได้ทำการยึดและรังวัดเขตให้แน่นอน ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเขตที่ดินที่โจทก์อ้างว่าได้จากการขายทอดตลาดนั้นแค่ไหนแน่ ตาม ส.ค.๑ ไม่ปรากฏเขตแน่นอน เนื้อที่ก็เพียงประมาณ ผู้แจ้งการครอบครองจะได้ครอบครองแค่ไหนเพียงใด ก็ฟังเอาเป็นหลักฐานแน่นอนมิได้ พยานที่เซ็นใน ส.ค.๑ ก็ไม่ปรากฏว่าเซ็นกันอย่างไร ไม่มีระเบียบแน่นอน ดังนี้ จึงต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นในท้องสำนวน ฉะนั้น ถึงแม้จำเลยจะเซ็นชื่อในฐานพยานใน ส.ค.๑ จริง ก็มิได้เป็นหลักฐานเพิ่มพูนที่จะทำให้ฟังได้ว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดมีเขตแค่ไหนแต่อย่างใด และถึงแม้ที่จำเลยเบิกความว่าลายเซ็นนั้นมิใช่ลายเซ็นของจำเลยอันเป็นความเท็จก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีดังกล่าว จำเลยยังไม่ผิด จึงไม่ต้องส่ง ส.ค.๑ ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์



…………………..……………………………………………………………..



โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งเลขแดงที่ ๑๓๙/๒๕๐๗ ว่าลายเซ็นใน ส.ค.๑ ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย อันเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งความจริงเป็นลายเซ็นของจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อสืบพยานบุคคลของโจทก์เสร็จแล้ว โจทก์จะขอให้ส่งแบบ ส.ค.๑ เลขที่ ๗๗ ไปขอให้ผู้ชำนาญพิสูจน์ว่าลายเซ็น "นายเปลี่ยน" ใน ส.ค.๑ ใช่ลายเซ็นของจำเลยหรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งตัดการส่งไปพิสูจน์ เมื่อสืบพยานจำเลยแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดไม่ให้โจทก์ได้สืบผู้ชำนาญและดำเนินการส่งลายเซ็นของนายเปลี่ยนในแบบ ส.ค.๑ ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์ แล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์เสียทีเดียวเป็นการไม่ชอบ เพราะการตรวจพิสูจน์ลายเซ็นใน ส.ค.๑ ดังกล่าวเป็นหลักฐานสำคัญในการที่จะพิจารณาว่าลายเซ็นนายเปลี่ยนใน ส.ค.๑ เป็นลายเซ็นปลอมหรือไม่และการตรวจพิสูจน์ลายเซ็นดังกล่าวยังจะได้หลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการพิสูจน์มาประกอบการพิจารณา เช่น ภาพถ่ายลายเซ็นเป็นต้น ฉะนั้น ถ้าให้โจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้สิ้นกระแสความแล้ว รูปคดีอาจรับฟังได้ว่าลายเซ็น นายเปลี่ยนใน ส.ค.๑ เป็นลายเซ็นอันแท้จริงของนายเปลี่ยนจำเลยได้ แต่เมื่อตรวจสำนวนคดีแพ่งเลขแดงที่ ๑๓๙/๒๕๐๗ แล้ว เห็นว่าที่พิพาทตามทางพิจารณาปรากฏว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาด โดยมิได้ทำการยึดและรังวัดเขตที่ดินให้แน่นอน ประเด็นสำคัญในคดีนั้นจึงอยู่ที่ว่า เขตที่ดินที่โจทก์อ้างว่าได้จากการขายทอดตลาดด้านใต้และเขตที่ดินของจำเลยด้านทิศเหนือมีเขตแค่ไหนแน่ ตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๗๗ ระบุแต่เพียงว่า ด้านใต้จดที่ดินนางอุ่ม ไม่ปรากฏเขตแน่นอน เนื้อที่ก็เพียงประมาณเอาเท่านั่น ผู้แจ้งการครอบครอง (ส.ค.๑) จะได้ครอบครองที่ดินตามที่แจ้งแค่ไหนเพียงใด ก็ฟังเอาเป็นหลักฐานแน่นอนมิได้ พยานที่เซ็นใน ส.ค.๑ ก็ไม่ปรากฏว่าเซ็นกันอย่างไร ไม่มีระเบียบอันแน่นอน การที่พิจารณาว่าเขตที่ดินตามที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดด้านใต้ และเขตที่ดินของจำเลยด้านเหนือมีเขตตรงไหนแน่ ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นในห้องสำนวนศาลฎีกาจึงเห็นว่า ถึงแม้นายเปลี่ยนจะได้เซ็นชื่อในฐานเป็นพยานใน ส.ค.๑ จริง ก็มิได้เป็นหลักฐานเพิ่มพูนที่จะทำให้ฟังได้ว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดมีเขตแค่ไหนแต่อย่างใด ฉะนั้น ถึงแม้จะฟังว่าลายเซ็นใน ส.ค.๑ เป็นลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลย และที่จำเลยเบิกความว่าลายเซ็นนั้นมิใช่ลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลย อันเป็นความเท็จก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีดังกล่าว การกระทำของจำเลยยังไม่ผิดดังโจทก์ฟ้อง จึงไม่จำต้องส่ง ส.ค.๑ ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์ต่อไป

พิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์.



(มณี ชุติวงศ์ - โพยม เลขยานนท์ - วงษ์ วีระพงศ์ )



ศาลจังหวัดสมุทรสงคราม - นายสวง สุขัคคานนท์

ศาลอุทธรณ์ - นายเสลา หัมพานนท์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น